วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

บุญบุญบุญ

บุญคืออะไร?




บุญ คือ
          สิ่งซึ่งเกิดขึ้นในจิตใจแล้วทำ ให้จิตใจใสสะอาด ปราศจากความเศร้าหมอง ขุ่นมัว ก้าวขึ้นไปสู่ภูมิที่ดี เกิดขึ้นจากการที่ใจ ได้เพื่อนคิดที่ดี คือ พระธรรม ทำให้เลือกเฉพาะสิ่ง ที่ดี ที่ถูก ทีควร ที่เป็นประโยชน์ แล้วพูดดี ทำดี ตาม ที่คิดนั้น

บุญเมื่อเกิดขึ้นแล้ว
           ย่อมส่งผลปรุงแต่ง ใจของเราให้มีคุณภาพดีขึ้น คือ ตั้งมั่นไม่หวั่น ไหว บริสุทธิ์ผุดผ่องไสว โปร่งโล่งไม่อึดอัด อิ่มเอิบ ไม่กระสับกระส่าย ชุ่มชื่นเบาสบาย ผ่อนคลายไม่ตึงเครียด และบุญที่เกิดขึ้นนี้ยังสามารถสะสม เก็บไว้ในใจได้อีกด้วย

คุณสมบัติของบุญ
1.   ชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาดได้
2.   นำความสุขความเจริญก้าวหน้าได้
3.   ติดตามตนไปทุกฝีก้าว แม้ไปเกิดข้ามภพข้ามชาติ
4.   เป็นของเฉพาะคน ใครทำใครได้ โจรลักขโมยไม่ได้
5.   เป็นที่มาของโภคทรัพย์สมบัติทั้งหลาย
6.   ให้มนุษย์สมบัติ ทิพย์สมบัติ นิพพานสมบัติ แก่เราได้
                                          ฯลฯ

หลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

เราต้องเร่งสร้างบุญใหม่ตั้งแต่บัดนี้ จะได้เป็นบุญเก่าติดตัวไปในวันหน้า โดยยึดหลักว่า
1.  เช้าใดยังไม่ได้ทำทาน เช้านั้นอย่าเพิ่งทานข้าว
2.  วันใดยังไม่ได้ตั้งใจรักษาศีล วันนั้นอย่าเพิ่งออกจากบ้าน
3.  คืนใดยังไม่ได้สวดมนต์ เจริญสมาธิภาวนา คืนนั้นอย่าเพิ่งเข้านอน















วิธีทำบุญ ใช้หลัก บุญกริยาวัถตุ 10
ประเภทของบุญในกาลก่อน     บุญในกาลก่อนแบ่งเป็น ชนิด ได้แก่

บุญช่วงไกล   คือ คุณความดีที่เราได้ทำจากภพชาติก่อน มาจนถึงวันคลอด
บุญช่วงใกล้   คือ คุณความดีที่เราทำในภพชาติปัจจุบัน ตั้งแต่คลอดจนถึงเมื่อวานนี้
บุญช่วงไกล การสั่งสมความดีมาแต่ ภพชาติก่อน ส่งผลให้เห็นในปัจจุบัน เปรียบเสมือนผลไม้ที่คัดพันธุ์มาดีแล้ว รสโอชะของมันย่อมติดมาในเมล็ด เมื่อนำเมล็ดนั้นมาปลูก ต้นของมันย่อมให้ผลที่รสอร่อยทันทีโดยไม่ต้อง ทะนุบำรุงมาก คนเราก็เช่นกัน ถ้าในอดีตชาติ สะสมความดีมามาก พอเกิดมาในภพชาตินี้ ก็เป็นคนใจใส ใจสะอาดบริสุทธิ์ มาตั้งแต่เกิด รูป ร่างสง่างาม ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีโอกาสให้ สร้างความดีได้มากกว่าคนทั้งหลาย ถ้าไม่ประมาท หมั่นสะสมความดีในปัจจุบันเพิ่มขึ้นอีก ก็จะเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าประมาทไม่ เอาใจใส่ในการทำความดีในปัจจุบัน ก็เปรียบเสมือนต้นไม้ยอดด้วน ยากที่จะเจริญเติบโต ต่อไปได้
บุญช่วงใกล้ คนที่ทำความดีตั้งแต่เล็ก ๆ เรื่อยมา เช่น ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ขยันหมั่นเพียร คบคนดีเป็นมิตร ฝึกใจให้ผ่องใสมาตั้งแต่เด็ก ความคิด คำพูด การทำงาน ย่อมดีกว่าบุคคลอื่นในวัยเดียวกัน เมื่อเติบโตขึ้น ย่อมมีความเจริญก้าวหน้า มากกว่าผู้อื่น

     
    เพราะฉะนั้นเราจึงควรสะสมบุญ โดยทำความดีเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้ส่งผลให้สติปัญญาดี มีความเฉลียวฉลาด มีความเจริญก้าวหน้า ในชีวิตต่อไปในอนาคต ดังเช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งได้ ทรงทำความดี สร้างสมบารมีมามากนับภพ นับชาติ ไม่ถ้วน ในภพชาติสุดท้าย ก็ทรงฝึกเจริญ สมาธิภาวนา ศึกษาเล่าเรียนตั้งแต่ยังเยาว์  จึงสามารถ ตรัสรู้ธรรม เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เมื่อพระชนม์เพียง 35 พรรษา

ผลของบุญ บุญเมื่อเกิดขึ้นแล้วมีผลกับตัว เรา ระดับ คือ
1.     ระดับจิตใจ เป็นบุญที่เกิดผลทันที คือ ทำความดีปุ๊บก็เกิดปั๊บ ไม่ต้องรอชาติหน้า เกิดขึ้นเองในใจของเราทำให้
        oสุขภาพทางใจดีขึ้น คือ มีใจเยือกเย็น ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวต่อคำยกยอ หรือตำหนิติเตียน
        oสมรรถภาพของใจดีขึ้น คือ เป็นใจที่สะอาด ผ่องใส ใช้คิดเรื่องราวต่าง ๆ ได้รวดเร็ว ว่องไว ลึกซึ้ง กว้างไกล รอบคอบ เป็นระเบียบ และตัดสินใจได้ฉับพลันถูกต้องไม่ลังเล
2.     ระดับบุคลิกภาพ คนที่ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้มีใจทีสงบ แช่มชื่น เบิกบาน นอนหลับสบาย ไม่มีความกังวลหม่นหมอง หน้าตาผิวพรรณจึงผ่องใส ใจเปี่ยมไปด้วยบุญ ไม่คิดโลภอยากได้ของใคร ไม่คิดสร้างความเดือดร้อนให้ใคร มีแต่คิดช่วยเหลือเขา จึงมีความมั่นใจในตัวเอง มีความองอาจสง่างามอยู่ในตัว ไปถึงไหนก็สามารถวางตัวได้พอเหมาะพอดี บุคลิกภาพย่อมดีขึ้นเป็นลำดับ
3.     ระดับวิถีชีวิต วิถีชีวิตของเรา เกิดจากการสรุปผลบุญและผลบาป ที่เราได้ทำแต่ภพชาติก่อน ๆ จนถึงภพชาติปัจจุบัน เป็นผลของบุญระดับจิตใจ และระดับบุคลิกภาพ เช่น ได้รับลาภ ยศ สรรเสริญ สุข การที่เราทำดีแล้ววิถีชีวิตของเราจะดีเต็มที่หรือไม่นั้น ขึ้นกับบุญเก่า หรือบาปในอดีต ที่เราเคยทำไว้ด้วย จึงเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน ทำให้บางคนเข้าใจผิด คิดว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี เพราะบางครั้งขณะที่เราตั้งใจทำความดีอยู่ กลับถูกใส่ร้ายป้ายสี หรือประสบเคราะห์กรรม ทำให้หมดกำลังใจในการทำความดี แท้จริงแล้วที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในขณะนั้น ผลบาปที่เราเคยทำในอดีตกำลังส่งผลอยู่  แต่บุญที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบันย่อมไม่ไร้ผล เมื่อเราตั้งใจทำบุญไปโดยไม่ย่อท้อ บุญย่อมส่งผลให้ในเวลาที่สมควรต่อไป4.     ระดับสังคม เมื่อเราทำความดีมาแล้วอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะไปอยู่สังคมใด    บุญก็จะส่งผลให้เป็นบุคคลที่สังคมยอมรับนับถือได้เป็นผู้นำของสังคมนั้น และจะเป็น ผู้ชักนำสมาชิกในสังคมให้ทำความดีตามอย่าง ทำให้เกิดความสงบร่มเย็น ความเจริญก้าวหน้าขึ้นในสังคมนั้น ๆ โดยลำดับ ตัวอย่างผลของบุญ
ผู้ที่มีอายุยืน                   
     เพราะในอดีตไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ผู้ที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ     
     เพราะในอดีตไม่รังแกหรือทรมานสัตว์
ผู้ที่มีพลานามัยสมบูรณ์    
     เพราะในอดีตให้ทานด้วยข้าวปลาอาหารมามาก
ผู้ที่มีผิวพรรณงาม          
     เพราะในอดีตรักษาศีลและให้ทานด้วยเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มมามาก
ผู้ที่มีอำนาจมีคนเกรงใจ   
     เพราะในอดีตมีมุทิตาจิต ใครทำความดี ก็อนุโมทนา  ไม่อิจฉาริษยาใคร
ผู้ที่ร่ำรวยมีโภคทรัพย์มาก 
     เพราะในอดีตให้ทานมามาก
ผู้ที่เกิดในตระกูลสูง       
     เพราะในอดีตบูชาบุคคลที่ควรบูชามามาก
ผู้ที่ฉลาดมีสติปัญญาดี      
     เพราะในอดีตคบบัณฑิต ฝึกสมาธิ เจริญภาวนามามาก และไม่ดื่มสุรายาเมา

  
ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งอำนาจคุณ พระพุทธ พระธรรม พระสงค์

   ขอบุญที่เกิดจากการเขียนนี้ เกิดบุญขึ้นเมื่อใด ขอดวงจิตทุกดวงอันเป็นนายเวรของผู้เข้ามาอ่าน จงรับบุญจากนี้ไป
   ขอบุญนี้ยังความเจริญมายังท่านตามที่ท่านปราถนาจากกองบุญอันนี้
   ขอท่านจงมีปัญญา จงเจริญ จงมีความอิ่มอุดมพ้นทุกข์ ด้วยอำนาจแห่งบุญ
   ขอบุญนี้จงเป็นแทนเครื่องขอขมายังนายเวร ขอนายเวรจงรับ และโปรดอโหสิกรรมให้ยังทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านรับรู้เรื่องบุญ
   เมื่อท่านอโหสิกรรให้แล้วโปรดอนุโมทนาบุญต่างๆเหล่านี้ด้วยเทอญ และโปรดเป็นมิตรกับทุกท่านที่ได้รับรู้เรื่องแห่งบุญนี้
จำไว้นะความสุขมันอยู่ที่ใจ


อ้างอิงจาก
 https://th.wikipedia.org/wiki
 http://www.oknation.net/
http://anaes1.md.kku.ac.th/
www.bokboontody.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น