วิธีทำให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดจาก เว็บไซต์
ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จักกับเว็บไซต์กันก่อน ว่ามีที่มาหรือความหมายอย่างไร>>
เว็บไซต์ (Website, Web site หรือ Site) หมายถึง หน้าเว็บเพจหลายหน้า ซึ่งเชื่อมโยงกันผ่านทางไฮเปอร์ลิงก์ ส่วนใหญ่จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ โดยถูกจัดเก็บไว้ในเวิลด์ไวด์เว็บ หน้าแรกของเว็บไซต์ที่เก็บไว้ที่ชื่อหลักจะเรียกว่า โฮมเพจเว็บไซต์โดยทั่วไปจะให้บริการต่อผู้ใช้ฟรี แต่ในขณะเดียวกันบางเว็บไซต์จำเป็นต้องมีการสมัครสมาชิกและเสียค่าบริการเพื่อที่จะดูข้อมูล
ผู้ทำเว็บไซต์มีหลากหลายระดับ ตั้งแต่สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว จนถึงระดับเว็บไซต์สำหรับธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ การเรียกดูเว็บไซต์โดยทั่วไปนิยมเรียกดูผ่านซอฟต์แวร์ในลักษณะของ เว็บเบราว์เซอร์เว็บไซต์แห่งแรกของโลกถูกสร้างขึ้นเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2536 โดยวิศวกรของเซิร์น
หลายคนอาจจะมองว่าเว็บไซต์เป็นเครื่องมือที่ช่วยในงานขาย เพราะมีข้อมูลรายละเอียดในเว็บไซต์ช่วยให้ผู้ชม หรือลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยที่ผู้ขายไม่ต้องอธิบายรายละเอียดทั้งหมด แต่สำหรับผมมองว่าเว็บไซต์นอกจากจะเป็นตัวช่วยเรื่องการขายแล้ว ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือทำการตลาดได้อีกด้วย
จริงๆ แล้วการตลาดกับเว็บไซต์ เป็นเรื่องเดียวกันตั้งแต่แรก แต่เจ้าของเว็บไซต์ส่วนใหญ่เลือกที่จะเน้นการขายมากกว่า เพราะคิดว่ายอดขายคือหัวใจของธุรกิจ ซึ่งความคิดนี้ไม่ผิด แต่ถ้าเปรียบเทียบการขายเหมือนการเก็บผลไม้ ถ้าเราเอาแต่เก็บโดยไม่บำรุงรักษาให้ปุ๋ยต้นไม้ที่เราเก็บผล ในระยะยาวจะเป็นอย่างไร... การตลาดก็เหมือนกับการรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยให้กับต้นไม้ที่เรากำลังเก็บเกี่ยวผล ถ้าเราทำไปพร้อมๆ กัน เราก็มีโอกาสที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเว็บไซต์ของเราได้ยาวนานขึ้น
การอัพเดทเนื้อหาและบทความต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าลงไปในเว็บไซต์ ก็เหมือนกับการรดน้ำพรวนดินและให้ปุ๋ยต้นไม้นั่นเอง เพราะเนื้อหาและบทความที่ใส่ลงไปนั้นจะช่วยให้เว็บไซต์ของเราน่าสนใจมากขึ้นและดูไม่เน้นแต่ขายสินค้าจนเกินไป แต่ถึงแม้ว่าเว็บไซต์ของเราจะไม่ได้ขายสินค้า การอัพเดทเนื้อและบทความก็ยังมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเพราะถ้าไม่มีการอัพเดท เว็บไซต์ก็จะนิ่งไม่มีอะไรใหม่ๆ ให้น่าติดตาม
การอัพเดทเนื้อหาและบทความในเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยให้เว็บไซต์ทันสมัยอยู่ตลอดในสายตาของผู้ชมแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คอยจับตาการอัพเดทเว็บไซต์ของเราอยู่ตลอดเวลานั่นก็คือ Search Engine (SE) เนื่องจากเจ้า SE นี่แหละที่จะเป็นตัวช่วยเพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์ของเราในระยะยาว ยิ่งมีการอัพเดทด้วยความถี่ที่สม่ำเสมอมากเท่าไร โอกาสที่เว็บไซต์ของเราจะติดอันดับดีๆ ในการค้นหาก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
นอกจากประโยชน์ที่ได้จากการอัพเดทเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอดังกล่าวแล้ว เรายังสามารถนำเนื้อหาหรือบทความของเราแชร์ผ่านไปยัง Social Media เช่น Facebook, Twitter, Google+ หรือแม้กระทั่ง LINE ได้อีกด้วย ซึ่งการแชร์ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นตัวช่วยให้มีคนรู้จักเว็บไซต์ของเรามากยิ่งขึ้น สนใจเว็บไซต์เรามายิ่งขึ้น และจำเว็บไซต์ของเราได้ดียิ่งขึ้น เพราะสิ่งที่ทำนี้ในทางการตลาดเรียกว่าการสร้างแบรนด์นั่นเอง
ต้องยอมรับความจริงว่าในปัจจุบัน หากต้องการเพิ่มยอดผู้เข้าชม หรือต้องการเพิ่มยอดการขาย ลำพังเพียงแค่เว็บไซต์อย่างเดียวคงเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเว็บไซต์ของเรามีระบบการแชร์ข้อมูลไปยัง Social Media ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นทันที เพราะ Social Media คือเครื่องมือการตลาด และเป็นจุดนัดพบระหว่างเรากับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
เว็บไซต์ที่เราใช้อยู่รองรับการแสดงผลบนมือถือหรือไม่ และ เว็บไซต์ที่เราใช้อยู่นั้นมีระบบการแชร์ไปยัง Social Media หรือเปล่าโดยเฉพาะ Facebook กับ LINE ถ้ายังหาทางเปลี่ยนใหม่ให้เร็วที่สุดเพราะปัจจุบันมีการใช้มือถือเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตกว่า 80% แล้ว
ดังนั้นการที่เราจะได้ประโยชน์สูงสุดจากเว็บไซต์ สิ่งที่เราจะต้องทำก่อนคือการทำให้เว็บไซต์ของเรามีเนื้อหาที่น่าสนใจ และต้องมีการอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นก็แชร์ออกไปยัง Social Media ที่เรามีอยู่ทั้งหมด ซึ่งตัวเลขการใช้ Social Media ที่น่าสนใจคือ Facebook (มียอดผู้ใช้ 35 ล้าน Account) และ LINE (มียอดผู้ใช้ 33 ล้าน Account) ส่วน Social Media ตัวอื่นก็น่าสนใจเช่นกันเช่น Google+ และ Twitter เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น